เรื่องตับ สำคัญไม่แพ้ใคร
5
ม.ค.
ม.ค.
2016-01-05 15:55:38
2547
admin

ถ้าถามถึงความสำคัญของอวัยวะของคนเรา เรามักจะคิดถึง หัวใจ สมอง แต่อีกอวัยวะหนึ่งที่มีความสำคัญและเป็นอวัยวะภายในที่ใหญ่ ที่สุดของร่างกาย ที่มีหน้าที่สำคัญหลายอย่างซึ่งเกี่ยวข้องกับสารอาหารทั้ง 3 กลุ่ม (คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน ) สร้างฮอร์โมนบางชนิด สะสมวิตามิน ควบคุมการเผาผลาญ กำจัดสารพิษ และมีบทบาทสำคัญต่อภูมิต้านทานของร่างกาย ดังนี้
1.ตับเก็บ กลูโคส ไว้ในสภาพ กลัยโคเจน ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นกลูโคส ในกรณีที่ร่างกายต้องการใช้ได้ทันที ถ้าบกพร่องก็จะอ่อนเพลีย ไม่มีเรี่ยวแรง
2.ตับสร้างโปรตีน อัลบูมิน ซึ่งช่วยรักษาน้ำในเลือดไม่ให้ซึมออกนอกเส้นเลือด ถ้าบกพร่องก็จะเกิดการ บวม
3.ตับผลิตน้ำดี เพื่อช่วยย่อยไขมัน ถ้าบกพร่อง ทำให้ท้องอืด เบื่ออาหาร และขาดกลุ่มไวตามินที่ละลายในไขมัน ( A,D,E,K )
4.หน้าที่สำคัญคือ กำจัดของเสีย ที่ร่างกายได้รับมาเช่น ยา แอลกอฮอร์ สารพิษ หรือมาจากการย่อยสลายอาหาร หากตับกำจัดสารพิษได้ไม่ดี สารพิษก็จะค้างอยู่ที่ตับ ทำให้ตับเสียและโลหิตเป็นพิษ
ในตับยังมีเซลล์ “ คุฟเฟอร์เซลล์ “ ทำหน้าที่กินและทำลายเชื้อโรค ถ้าบกพร่องก็ทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย เกิดการเจ็บป่วย
5.ตับเป็นแหล่งสะสมไวตามิน B12 เหล็ก โฟเลต เพื่อสร้างเม็ดเลือดแดง ซึ่งจะมีอายุประมาณ 40 วัน (ถ้าบกพร่องก็เกิดโลหิตจาง) จากการทำลายเม็ดเลือดแดงที่ม้ามจะเกิดขยะคือ บิลิรูบิน(bilirubin) โดยตับจะกำจัดฝากส่งไปกับน้ำดี ออกทิ้งผ่านลำไส้ออกไปนอกร่างกาย พร้อมกากอาหาร นอกจากนี้ ตับยัง สร้างสาร ที่ช่วยในการแข็งตัวของเลือดช่วยทำให้เลือดหยุดไหลเวลาเกิดบาดแผล
6.ตับยังเป็นโรงงานผลิตพลังงานให้ร่างกาย จากการสลายสารอาหาร สร้างความร้อนให้ร่างกาย
2.ตับสร้างโปรตีน อัลบูมิน ซึ่งช่วยรักษาน้ำในเลือดไม่ให้ซึมออกนอกเส้นเลือด ถ้าบกพร่องก็จะเกิดการ บวม
3.ตับผลิตน้ำดี เพื่อช่วยย่อยไขมัน ถ้าบกพร่อง ทำให้ท้องอืด เบื่ออาหาร และขาดกลุ่มไวตามินที่ละลายในไขมัน ( A,D,E,K )
4.หน้าที่สำคัญคือ กำจัดของเสีย ที่ร่างกายได้รับมาเช่น ยา แอลกอฮอร์ สารพิษ หรือมาจากการย่อยสลายอาหาร หากตับกำจัดสารพิษได้ไม่ดี สารพิษก็จะค้างอยู่ที่ตับ ทำให้ตับเสียและโลหิตเป็นพิษ
ในตับยังมีเซลล์ “ คุฟเฟอร์เซลล์ “ ทำหน้าที่กินและทำลายเชื้อโรค ถ้าบกพร่องก็ทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย เกิดการเจ็บป่วย
5.ตับเป็นแหล่งสะสมไวตามิน B12 เหล็ก โฟเลต เพื่อสร้างเม็ดเลือดแดง ซึ่งจะมีอายุประมาณ 40 วัน (ถ้าบกพร่องก็เกิดโลหิตจาง) จากการทำลายเม็ดเลือดแดงที่ม้ามจะเกิดขยะคือ บิลิรูบิน(bilirubin) โดยตับจะกำจัดฝากส่งไปกับน้ำดี ออกทิ้งผ่านลำไส้ออกไปนอกร่างกาย พร้อมกากอาหาร นอกจากนี้ ตับยัง สร้างสาร ที่ช่วยในการแข็งตัวของเลือดช่วยทำให้เลือดหยุดไหลเวลาเกิดบาดแผล
6.ตับยังเป็นโรงงานผลิตพลังงานให้ร่างกาย จากการสลายสารอาหาร สร้างความร้อนให้ร่างกาย
โรคตับที่พบบ่อย
1.โรคตับอักเสบ(Hepatitis) เป็นภาวะที่ตับถูกทำลายเกิดได้หลายสาเหตุ เช่น ติดเชื้อจุลชีพ ,ไวรัส (ในไทย พบชนิด B มากที่สุด) หรือสารพิษ เช่น พิษสุรา ยาบางชนิดเช่น พบว่าผู้ป่วยตับอักเสบ กว่า 50%มาจาก กินยาพาราเซตามอล จึงไม่ควรใช้ในขนาดที่สูงและใช้ติดต่อกันนาน
2. ภาวะไขมันสะสมในตับ หรือไขมันแทรกในตับ ซึ่งจะทำให้ตับบาดเจ็บและเสื่อมสภาพและอาจพัฒนาไปเป็น ตับอักเสบ ตับแข็ง หรือแม้แต่มะเร็งตับได้ เมื่อสูงวัยขึ้น สาเหตุหลักพบในผู้ที่ดื่มแอลกอฮอร์ เบียร์ ไวน์ แต่ก็พบในผู้ที่ไม่ดื่มสุราก็มี โดยมีภาวะน้ำหนักเกิน ไขมันในเลือดสูง และเบาหวานเป็นต้น
3. ตับแข็ง เป็นผลจากตับอักเสบ ที่ปล่อยปละละเลยมานาน จนเป็นโรคเรื้อรัง จนเกิดเป็นพังผืด หรือแผลเป็นในตับมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผิวตับหยาบและขรุขระ เนื้อตับส่วนดีจะลดลง ส่งผลต่อการทำงานตามปกติของตับ เกิดเป็นภาวะที่เรียกว่า โรคตับแข็ง ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งตับสูงมาก
อาการของโรคตับ
2. ภาวะไขมันสะสมในตับ หรือไขมันแทรกในตับ ซึ่งจะทำให้ตับบาดเจ็บและเสื่อมสภาพและอาจพัฒนาไปเป็น ตับอักเสบ ตับแข็ง หรือแม้แต่มะเร็งตับได้ เมื่อสูงวัยขึ้น สาเหตุหลักพบในผู้ที่ดื่มแอลกอฮอร์ เบียร์ ไวน์ แต่ก็พบในผู้ที่ไม่ดื่มสุราก็มี โดยมีภาวะน้ำหนักเกิน ไขมันในเลือดสูง และเบาหวานเป็นต้น
3. ตับแข็ง เป็นผลจากตับอักเสบ ที่ปล่อยปละละเลยมานาน จนเป็นโรคเรื้อรัง จนเกิดเป็นพังผืด หรือแผลเป็นในตับมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผิวตับหยาบและขรุขระ เนื้อตับส่วนดีจะลดลง ส่งผลต่อการทำงานตามปกติของตับ เกิดเป็นภาวะที่เรียกว่า โรคตับแข็ง ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งตับสูงมาก
อาการของโรคตับ
ภาวะตับอักเสบมักไม่ค่อยมีอาการใดๆเตือนให้ผู้ป่วยรู้ตัวแต่เนิ่นๆ ผู้ป่วยแค่รู้สึกเหนื่อย เพลียเล็กน้อยเท่านั้น จนกระทั่งเห็นปัสสาวะเป็นสีเข้ม และมีคนใกล้ชิดทักว่า ตาและผิวหนัง สีเหลืองๆ (ดีซ่าน)
ตับเป็นอวัยวะพิเศษ ที่สามารถซ่อมแซมตัวเองได้ เมื่อตับบาดเจ็บหรือเซลล์ตับบางส่วนตายไป เซลล์ตับส่วนที่เหลือสามารถสร้างเนื้อตับใหม่มาทดแทนได้ อย่างไรก็ตามแม้ว่าตับจะสามารถฟื้นฟูตัวเองได้ระดับหนึ่ง แต่การต้องเผชิญปัจจัยบั่นทอนอยู่ทุกวัน ก็อาจสร้างปัญหาให้แก่ตับไม่น้อย ฉะนั้นหากโชคดี รู้ตัวทัน การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเล็กๆน้อยๆ ก็เป็นประโยชน์ต่อตับในระยะยาว
การป้องกันและดูแลสุขภาพตับ
สิ่งที่ควรทำ
1อาหาร ต้องกินอาหารให้ครบถ้วน 5 หมู่ ในปริมาณที่เพียงพอ จะช่วยฟื้นฟู เสริมสร้างเซลล์ตับ ทั้งในกรณีทีเป็นโรคและยังไม่เป็น อย่าให้ขาดโปรตีน และในโรคไขมันแทรกตับ ต้องลดไขมัน อาหาร ต้องสะอาดปราศจากเชื้อโรค ม๊อตโต้ “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ “ก็ยังใช้ได้ เพราะเชื้อจุลชีพ ไวรัสเป็นสาเหตุของโรคตับอักเสบ-A ก็ติดต่อทางอาหาร
2ออกกำลังกาย ให้ร่างกายแข็งแรง
3.ถ้าไม่มีภูมิ ให้ฉีดวัคซีนป้องกันเฉพาะ ตับอักเสบ –B
4. ทาน วิตามินที่ละลายในน้ำเช่นกลุ่ม บี และสารต้านอนุมูลอิสระเสริม หรือทานผักและผลไม้ เพื่อช่วยการทำงาน ฟื้นฟูและปกป้องเซลล์ตับ
2ออกกำลังกาย ให้ร่างกายแข็งแรง
3.ถ้าไม่มีภูมิ ให้ฉีดวัคซีนป้องกันเฉพาะ ตับอักเสบ –B
4. ทาน วิตามินที่ละลายในน้ำเช่นกลุ่ม บี และสารต้านอนุมูลอิสระเสริม หรือทานผักและผลไม้ เพื่อช่วยการทำงาน ฟื้นฟูและปกป้องเซลล์ตับ
สิ่งที่ควรละเว้น
1.งด หรือลดการดื่มสุรา หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ทุกชนิด
2.งดปลาดิบ เพื่อป้องกันพยาธิใบไม้ในตับซึ่งเป็นสาเหตุของท่อน้ำดีอักเสบ
3. หลีกเลี่ยงพิษจากเชื้อรา “อฟลาทอกซิน”ที่ปนเปื้อนในอาหาร เช่นถั่วหรือพริกป่น
4.ระวังอาหาร ที่มีสารปรุงแต่ง สารกันบูดซึ่งมักจะใส่เกินที่กระทรวงกำหนดหรือห้ามใช้
5. ไม่ใช้ของมีคมร่วมกับผู้อื่น เช่นมีดโกน แปรงสีฟัน กรรไกรตัดเล็บ เข็มฉีดยา
6.ไม่สำส่อน เพราะไวรัสตับอักเสบ-B ติดต่อทางเพศสัมพันธ์
2.งดปลาดิบ เพื่อป้องกันพยาธิใบไม้ในตับซึ่งเป็นสาเหตุของท่อน้ำดีอักเสบ
3. หลีกเลี่ยงพิษจากเชื้อรา “อฟลาทอกซิน”ที่ปนเปื้อนในอาหาร เช่นถั่วหรือพริกป่น
4.ระวังอาหาร ที่มีสารปรุงแต่ง สารกันบูดซึ่งมักจะใส่เกินที่กระทรวงกำหนดหรือห้ามใช้
5. ไม่ใช้ของมีคมร่วมกับผู้อื่น เช่นมีดโกน แปรงสีฟัน กรรไกรตัดเล็บ เข็มฉีดยา
6.ไม่สำส่อน เพราะไวรัสตับอักเสบ-B ติดต่อทางเพศสัมพันธ์
บทความที่เกี่ยวข้อง